ต้อ…เรื่องของตาต้อที่เข้าใจกันสับสนอลเวง

13 August 2014

หากพูดถึงเรื่องต้อดูเหมือนน่าจะเข้าใจกันได้ง่ายๆ แต่กลับพบว่าคนส่วนใหญ่มีความเข้าใจที่สับสน สลับไปมาเสมอ เรามาดูกันว่าต้อที่ตานั้นมีกี่ประเภทกันแน่ แต่ละประเภทนั้นมีรูปร่าง ลักษณะอย่างไร สาเหตุมาจากอะไร อาการและอาการแสดงมีอะไรบ้าง และการป้องกันและรักษาทำกันอย่างไร ต้อนั้นโดยทั่วไปที่เราพูดถึงกันมีด้วยกัน 4 ชนิด คือ

- ต้อลม หรือ Pinguecular
- ต้อเนื้อ หรือ Pteryguim
- ต้อกระจก หรือ Cataract และ
- ต้อหิน หรือ Glaucoma

ซึ่งแต่ละชนิดเกิดขึ้นต่างที่กัน ยกเว้นต้อลมกับต้อเนื้อที่อยู่บริเวณเดียวกันหรืออาจมีพัฒนาการต่อเนื่องกันบ้าง เรามาดูในรายละเอียดกัน

1. โรคต้อลม หมายถึงเนื้อเยื่อบริเวณเยื่อบุตาขวาโดยเฉพาะบริเวณด้านติดจมูกที่มีการหนาตัวขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากเนื้อเยื่อบริเวณนั้นมีอาการระคายเคืองมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายมีกลไกการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่มหนาขึ้นเพื่อลดอาการระคายเคือง ลักษณะที่เราสามารถมองเห็นได้จะเป็นสีเหลืองอ่อนหรือสีแดงเรื่อๆ หนาขึ้นของเยื่อบุตาขวา อาจมองเห็นเส้นเลือดที่ขยายตัวขึ้นที่บริเวณเยื่อบุตาขวาอันเป็นผลมาจาการระคายเคืองได้ ต้อลมส่วนน้อยอาจพัฒนาเป็นต้อเนื้อได้ มีอาการและอาการแสดงในลักษณะเดียวกับโรคตาแห้ง เช่น อาการแสบตา เคืองตา น้ำตาไหล เพราะเนื้อเยื่อที่สร้างเพิ่มขึ้นทำให้ผิวกระจกตาไม่เรียบ ความสามารถในการคงตัวของน้ำตาลดลง
 
การป้องกันการเกิดต้อลมคือลดความระคายเคืองที่เยื่อบุตาขวา เช่น หลีกเลี่ยงฝุ่นเข้าตา เลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ตาแห้ง การออกแดด เมื่อเป็นต้อลมแล้วให้หลีกเลี่ยงแสงแดดเพราะรังสียูวีจะเป็นตัวกระตุ้นให้ต้อลมมีความรุนแรงมากขึ้น ต้อลมที่เป็นมากอาจจะส่งผลต่อการมองเห็นได้ เพราะความคงตัวของฟิลม์น้ำตาที่ต่ำลงทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลงได้

2. โรคต้อเนื้อ หมายถึงเนื้อเยื่อบุตาขวาส่วนของ Fibrovascular tissue อยู่ลึกลงไปเล็กน้อยและมีเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงมีการสร้างหนาตัวขึ้น ซึ่งการที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงนี้ทำให้เนื้อเยื่อส่วนนี้สามารถเจริญได้ง่ายและมีแนวโน้มที่จะเจริญเข้าหาส่วนกลางของตาดำ ทำให้ไปบังแสงที่เข้าตาและความสามารถในการมองเห็นลดลงได้มาก เนื้อเยื่อมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมสีแดงเรื่อๆ ที่มีด้านยอดแหลมหันเข้ากลางตาดำและมีเส้นเลือดจำนวนมากมาหล่อเลี้ยงด้านฐานของสามเหลี่ยม อาการและอาการแสดงคล้ายคลึงกับโรคต้อลม แต่จะรุนแรงกว่าและเห็นเส้นเลือดที่ขยายตัวจำนวนมาก การป้องกันก็เช่นเดียวกับต้อลมเลี่ยงการเกิดอาการระคายเคืองและรังสียูวี ต้อเนื้อส่วนน้อยสามารถพัฒนามาจากต้อลมได้ การรักษาถ้าเป็นมากและลามเข้าสู่ตาดำไปบังการมองเห็น หรืออาจจะมีผลต่อการทำงานก็มีความจำเป็นต้องทำการผ่าตัดหรือที่เรียกกันว่าลอกต้อ แต่การลอกต้อเนื้อนั้นจะมีผลทำให้ต้อเนื้อกลับมาเกิดซ้ำและใช้เวลาสั้นกว่าหรือเร็วขึ้นในบริเวณเดิม

3. ต้อกระจก หมายถึงเนื้อเยื่อส่วนของเลนส์แก้วตามีการเสื่อมสภาพจากที่เคยใสกลายเป็นขุ่นขาว เหลืองและสีน้ำตาลในที่สุด ต้อกระจกเป็นสาเหตุที่ทำให้คนตาบอดมากที่สุดในปัจจุบัน ต้อกระจกในคนที่เป็นมากๆ เราจะสามารถสังเกตได้เลยว่าจะเห็นเป็นสีขาวขุ่นตรงกลางตาดำ เลนส์แก้วตาเป็นส่วนที่แสงทั้งหมดต้องเดินทางผ่านดังนั้นต้อกระจกจึงมีผลต่อการมองเห็นค่อนข้างมากและจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ส่วนสาเหตุอื่นอาจมาจากการทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์อย่างต่อเนื่อง ในคนที่เป็นเบาหวานก็มีโอกาสเป็นต้อกระจกเร็วกว่าคนปกติได้ และส่วนน้อยมากที่พบได้ในเด็กที่เป็นแต่กำเนิด โดยทั่วไปส่วนใหญ่พบในคนที่มีอายุ 70ปีขึ้นไป รังสียูวีก็เป็นตัวกระตุ้นให้เป็นได้เร็วขึ้นได้ การรักษาอาจจะกระทำเมื่อการมองเห็นแย่ลงและมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การรักษาต้อกระจกในปัจจุบันทำโดยการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมซึ่งให้ผลดีมากและใช้เวลาสั้นๆ เลนส์แก้วตาเทียมที่ใส่ไว้นั้นในปัจจุบันสามารถเลือกที่จะใช้ชนิดที่แก้สายตาควบคู่ไปได้ด้วย การป้องกันสามารถกระทำได้โดยการสวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสียูวี และหากมีการสวมแว่นตากันรังสียูวีมาตั้งแต่เด็กมีโอกาสที่จะไม่เป็นต้อกระจกได้ในช่วงชีวิตเรา

4. ต้อหิน คือพยาธิสภาพที่เซลจอประสาทตารอบนอกถูกทำลายลงอย่างช้าๆ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความดันตาที่สูงขึ้นแล้วไปกดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลจอประสาทตาบริเวณ Optic nerve head ทำให้เซลประสาทตารอบนอกที่อยู่บริเวณผิวบนจอประสาทตาค่อยๆ ตายลง ทำให้ผู้ป่วยค่อยๆ สูญเสียการมองเห็นของลานสายตา อาการและอาการแสดงของโรคต้อหินนั้นคนนอกจะมองเหมือนตาปกติทุกอย่าง แต่ผู้ป่วยจะมีลานสายตาที่แคบเหมือนมองเข้าไปในอุโมงค์ เซลประสาทที่ถูกทำลายไปจะไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ถึงแม้ความดันตาจะลดลงแล้วก็ตาม สาเหตุของโรคต้อหินยังไม่รู้แน่ชัด ส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ การรักษาโรคต้อหินเป็นเพียงลดและควบคุมความดันตาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ดังนั้นการตรวจพบโรคต้อหินเร็วเท่าไรยิ่งมีโอกาสรักษาลานสายตาไว้ได้มากเท่านั้น

โดยสรุปต้อลมกับต้อเนื้อเกิดที่บริเวณเดียวกันคือเยื่อบุตาขาว เกิดจากการระคายเคืองอย่างต่อเนื่องทำให้มีการสร้างเนื้อเยื่อให้หนาตัวขึ้น ต้อลมเพียงสร้างความรำคาญ ต้อเนื้อจะมีความรุนแรงกว่าและมีการลามเข้าสู่กลางตาดำทำให้การมองเห็นแย่ลง ต้อกระจกเกิดที่ส่วนของเลนส์แก้วตาส่วนใหญ่เป็นการเสื่อมตามอายุแต่แก้ไขได้โดยการผ่าตัดเปลี่ยนใส่เลนส์แก้วตาเทียมแล้ว ส่วนต้อหินเป็นการสูญเสียเซลประสาทตาอย่างถาวรมีผลทำให้ลานสายตาแคบลงไม่สามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม