โปรเกรสซีฟแท้หรือปลอม : วิธีการสังเกตเลนส์โปรเกรสซีฟที่ได้รับมานั้นถูกต้อง

29 มกราคม 2558
เรามักจะได้ยินค่อนข้างบ่อยว่าเลนส์โปรเกรสซีฟที่โน้นราคาถูกกว่า ทำไมที่นี้ราคาแพงกว่าทั้งที่มีใบรับประกันเหมือนกัน เลนส์โปรเกรสซีฟนั้นมีราคาแพงและด้วยตัวมันเองค่อนข้างยากที่จะบอกว่าเป็นเลนส์ที่ถูกต้องหรือไม่ เช่น
 
-    ตรงกับค่าสายตาที่เราต้องการหรือไม่ ค่าสายตาที่แตกต่างย่อมมีผลต่อการมองเห็นและความสบายตา
-    ตรงรุ่นที่เราต้องการหรือไม่ ซึ่งมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของเลนส์และสำคัญสุดคือราคา
-    ตรงดัชนีหักเหของเลนส์ที่ต้องการหรือไม่ มีผลต่อความหนาบาง น้ำหนักและความเหนียวของเลนส์ และราคา
-    ตรงกับคุณสมบัติของการเคลือบเลนส์ผิวเลนส์ที่ต้องการหรือไม่ เช่น คุณสมบัติในการเปลี่ยนสีเมื่อออกแดด เคลือบเพื่อป้องกันยูวี เคลือบมัลติโคทตัดแสงสะท้อน เคลือบแข็งให้มีความคงทน ซึ่งเกี่ยวกับสุขภาพของดวงตา และแน่นอนเกี่ยวกับราคา

จะเห็นว่าสามในสี่เกี่ยวข้องกับราคานั้น จึงเป็นที่มาของราคาเลนส์โปรเกรสซีฟที่แตกต่างกันได้มาก โดยเฉพาะรุ่นของเลนส์ที่จะมีผลต่อราคามากสุด เรามาดูวิธีการการตรวจสอบเลนส์โปรเกรสซีฟกัน เพราะตัวเลนส์เองหากมองเผินๆ จะเห็นว่าใสเหมือนกันหมด ดังนั้นหลายคนที่ซื้อเลนส์แพงแล้วมีปัญหานั้น อาจจะเป็นการได้เลนส์ที่ไม่ถูกต้องมาก็ได้

ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู้ทุกครั้งที่ตัดแว่นสายตาคู่ใหม่เพื่อให้ได้เลนส์ที่ถูกต้อง

1.    ค่าสายตาที่เราต้องการ
คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยทราบค่าสายตาของตนเอง น้อยคนที่จะมีการเก็บบันทึกค่าสายตาไว้ เราจำเป็นต้องเก็บค่าสายตาเช่นเดียวกันกับประวัติการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการทำแว่นสายตาคู่ใหม่และทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของสายตา ค่าสายตาของแต่ละคนมีโอกาสที่จะเท่ากันนั้นเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นค่าสายตาจึงเป็นตัวกำหนดเลนส์ที่เฉพาะบุคคลได้อย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่เข้ารับการตรวจสายตาควรจะเก็บข้อมูลของค่าสายตาไว้เสมอ ค่าสายตาทั่วไปจะมี 2 ค่า คือ

- ค่าสายตาที่ดีที่สุด หรือ Best visual acuity, BVS ซึ่งเป็นค่าสายตาที่ได้จากการวัดบนสภาพแวดล้อมที่ถูกกำหนดขึ้น เช่น เครื่องมือวัด ห้องมืด และระยะที่ใช้วัด ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่ควรจะเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน เพราะมีสภาพแวดล้อมที่ควบคุมเหมือนกัน เช่น วัดที่ห้องมืด ที่ระยะ 6 เมตร ด้วยเครื่องมือวัด Phoropter และผู้ตรวจวัด ซึ่งไม่ว่าจะไปวัดที่ใดก็จะได้ค่าที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก

- ค่าสายตาที่ได้จากการสวมแว่นทดสอบในสภาพแวดล้อมของการใช้งานจริง ซึ่งค่านี้อาจจะต่างจากค่า BVS ก็ได้ ทั้งนี้เนื่องมาจากสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง และความสามารถในการปรับตัวของแต่ละคน ค่าสายตานี้จะเป็นค่าที่ถูกสั่งผลิตเป็นเลนส์นั้นเอง

การจดบันทึกค่าสายตายังมีประโยชน์ในการตรวจสอบกับใบรับประกันที่ได้จากผู้ผลิตเลนส์ว่ามีค่าสายตาตรงกับของเราหรือไม่ โดยเฉพาะเลนส์แล็ปที่ขัดมาจากโรงงาน เลนส์โปรเกรสซีฟทุกคู่เป็นเลนส์แล็ปจะไม่มีการทำสต็อกล่วงหน้า จึงมีค่าสายตาบันทึกไว้ที่ใบรับประกันเสมอ

2.    ใบรับประกัน
ในอดีตอาจมีการออกใบรับประกันที่ร้านค้าเป็นผู้กรอกรายละเอียดเองทั้งหมด ในปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตเลนส์ เช่น Essilor จะเป็นผู้ออกใบรับประกันแนบไปกับเลนส์ที่สั่งผลิตและร้านค้าไม่สามารถกรอกข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมได้อีก

1.    ใบรับประกันจะมีการระบุข้อมูลต่างๆ ครบถ้วน เช่น ตัวอย่างใบรับประกันเลนส์ของบริษัท Essilor ด้านล่างนี้

- Order reference
- วันที่ผลิต
- ชื่อรุ่น และ ชนิดของคอร์ริดอร์
- ดัชนีหักเห และ ชนิดของวัสดุเลนส์
- คุณสมบัติในการเคลือบผิว เช่น เลนส์ที่มีการเปลี่ยนสีอัตโนมัติ
- ขื่อคนไข้
- ชื่อร้านค้า
- ค่าสายตาซึ่งจะต้องมีการระบุไว้เสมอ

2.     ซองบรรจุเลนส์ บนซองบรรจุเลนส์ต้องมีรายละเอียดที่สำคัญ คือ
- ชื่อบริษัทผู้ผลิต
- ชนิดและรุ่นของเลนส์
- ชนิดของการเคลือบผิวเลนส์
- ค่าสายตาที่สั่ง และ
- ค่าสายตาที่วัดได้จริงบนเลนส์นั้น

เราสามารถนำค่าสายตาที่เรามีมาเทียบกับค่าเลนส์บนใบรับประกันหรือซองบรรจุเลนส์ หรือขอดูข้อมูลค่าสายตาของเราจากร้านแว่นตาเพื่อที่จะได้ตรวจสอบให้ตรงกันทั้งใบรับประกันและซองบรรจุเลนส์

3.    ข้อมูลบนผิวเลนส์

หลังจากที่เราตรวจสอบทั้งบัตรรับประกันและซองเลนส์แล้ว หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าแล้วเลนส์ที่เราเห็นใสๆ นั้นตรงกับข้อมูลต่างๆ ข้างต้นอย่างไร สำหรับเลนส์โปรเกรสซีฟทั้งหมดจะมีการทำสัญลักษณ์และข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นโดยการยิงแสงเลเซอร์ลงบนผิวเลนส์ ซึ่งแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันและไม่ซ้ำซ้อนกัน โดยเราสามารถขอดูข้อมูลอ้างอิงของ Engraving หรือ Laser mark นี้ได้จากทางร้านค้า หรือหาได้จากข้อมูลในอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า Progressive identifier หรือ Engraving mark หรือจะใช้วิธีการสอบถามตรงไปยังบริษัทผู้ผลิตเลนส์ก็ได้

ข้อมูลบนผิวเลนส์จะประกอบด้วย (อ้างอิงเลนส์บริษัท Essilor)
 
-    Engraving เป็นสัญลักษณ์ระบุรุ่นและบริษัทผู้ผลิต จะวางอยู่ที่บริเวณด้านในหรือด้านติดจมูกของเลนส์

-    ตัวเลขบอกค่า Addition ของสายตายาวของเลนส์ที่วางอยูใต้วงกลมด้านนอกหรือด้านหูของเลนส์

-    สัญลักษณ์ที่ระบุค่าดัชนีหักเหหรือชนิดของวัสดุเลนส์ที่ใช้วางอยู่ด้านในจมูกของเลนส์

-    สัญลักษณ์ระบุชนิดของคอร์ริดอร์ที่จะวางอยู่ด้านบนและนอกหูของเลนส์

-    วงกลม 2 วงที่กำหนดระนาบและตำแหน่งศูนย์กลางเลนส์

ที่นี้เรามาดูวิธีการหา Laser mark ข้างต้น ให้เราส่องเลนส์เข้ากับหลอดประหยัดแสงสีขาวบนเพดาน โดยให้ขาแว่นชี้ออกนอกตัว ให้สังเกตที่ตำแหน่งด้านในและด้านนอก โดยการเอียงแว่นไปมาก็จะสามารถมองเห็น Laser mark ทั้งหมดข้างต้นได้ หรืออาจจะให้ทางร้านชี้ให้ดูเพื่อยืนยันความถูกต้องของเลนส์ก็ได้

นอกจากนี้สำหรับเลนส์สต็อกบางชนิดยังมีการทำ Marking บางอย่างลงบนผิวเลนส์เพื่อระบุว่าเป็นเลนส์แท้ของบริษัทด้วย เช่น บริษัท Essilor จะมีการทำสัญลักษณ์เป็น Air marking ที่ระบุชื่อเทคโนโลยีการเคลือบผิวพิเศษคือ Crizal ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางบริษัท ซึ่งสามารถดูได้โดยการเป่าลมหายใจให้เป็นไอบนผิวเลนส์ หรือสังเกตเห็นได้เมื่อทำให้ผิวเลนส์เปียกน้ำ

โดยสรุปการตรวจสอบเลนส์โปรเกรสซีฟที่ถูกต้องให้ทำดังนี้

1.    เก็บบันทึกค่าสายตา พร้อมคุณสมบัติต่างๆ ของเลนส์ที่ต้องการไว้
2.    ขอใบรับประกันชนิดที่มาจากผู้ผลิต

3.    ทำการเทียบกับข้อมูลที่เก็บไว้ให้ตรงกัน
3.    ตรวจสอบสัญลักษณ์ต่างๆ บนผิวเลนส์ให้ตรงกับชนิดของเลนส์ที่สั่ง

การตรวจสอบข้างต้น นอกจากจะให้ได้เลนส์ที่ถูกต้องตรงแล้ว ยังเป็นการป้องกันการถูกหลอกลวงจากการเอาเลนส์ที่มีคุณภาพต่ำแต่จ่ายเงินในราคาที่สูงอีกด้วย