เลนส์โพลารอยด์
21 Jan 2017
ก่อนอื่นเรามาดูที่มาของแสงจ้ารบกวนที่ทำให้เกิดปัญหาในการมองเห็นกันก่อน แสงจ้ารบกวน (Glare) สามารถแยกออกได้เป็น 2 ประเภท
1. Discomfort glare เป็นแสงจ้ารบกวนการมองเห็นที่เกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดแสงที่มีความเข้มที่ต่างกันมาก ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักขึ้นและความสามารถในการมองเห็นลดลง เช่น
- แสงสะท้อนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มาจากหลอดไฟส่องสว่างบนเพดาน
- แสงสะท้อนบนหน้าจอทีวีที่มาจากแสงสว่างด้านนอกหน้าต่าง
- แสงจ้าบนหน้าจอทีวีในห้องที่มืด ทำให้กล้ามเนื้อม่านตาทำงานยาก
- แสงสะท้อนบนพื้นผิวน้ำ หรือพื้นที่มีหิมะปกคลุม หรือแสงสะท้อนผิวถนนในตอนกลางวัน
2. Disability glare เป็นแสงจ้ารบกวนส่งผลต่อ Contrast ของภาพ ทำให้ภาพที่เกิดขึ้นบนจอตามีความคมชัดลดลง เช่น
- โปรเจคเตอร์ที่มีดวงไฟส่องตรงด้านบน ทำให้ contrast ของภาพบนจอตาลดลง
- คนเป็นต้อกระจกที่เลนส์แก้วตามีการขุ่นบางส่วน จะเกิดการกระเจิงของแสงมากขึ้นเมื่อแสงเดินทางผ่านโดยเฉพาะแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นอย่างแสงสีฟ้าจะเกิดการกระเจิงของแสงมากกว่าแสงคลื่นยาว
การทำงานของเลนส์โพลารอยด์
แสงมีการการเดินทางคล้ายคลื่นน้ำ เมื่อเราโยนหินลงไปคลื่นจะกระเพริ้มขึ้นลงและเคลื่อนที่เป็นวงกลมออกห่างไปจากจุดที่โยนหิน แสงจะคล้ายกันแต่มีทิศทางที่มากกว่าโดยมีแหล่งกำเนิดแสงเป็นจุดเริ่มต้น เลนส์โพลารอยด์ถูกออกแบบให้แสงเดินทางผ่านเลนส์ได้เพียง 1 ทิศทางเท่านั้น ส่วนแสงในทิศทางอื่นจะถูกดูดกลืนไว้
เลนส์โพลารอยด์แบนแว่นตา
สำหรับเลนส์โพลารอยด์ที่ใช้บนแว่นตา (Ophthalmic polarizing lens) จะให้แสงผ่านได้เฉพาะในแนวที่ตั้งฉากกับพื้น และตัดแสงรบกวนในทิศทางอื่นๆ โดยเฉพาะในแนวนอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแสงรบกวนดวงตา ดังนั้นเวลาประกอบเลนส์โพลารอยด์บนกรอบแว่นตาจำเป็นต้องวางทิศทางให้ถูกต้อง
การใช้ประโยชน์ของเลนส์โพลารอยด์
ประโยชน์ของเลนส์โพลารอยด์จะช่วยตัดแสงแสงจ้าหรือแสงสะท้อนรบกวน โดยเฉพาะแสงในแนวนอนที่เกิดจาก Comfort glare ได้เป็นอย่างดี และตัวเลนส์มักจะย้อมสีเพื่อช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น เลนส์โพลารอยด์จึงเหมาะกับกิจกรรมในสถานที่ๆ มีแสงสว่างมากๆ หรือกิจกรรมกลางแจ้งในเวลากลางวัน เช่น
- การขับรถในเวลากลางวันที่เผชิญกับแสงรบกวนที่สะท้อนบนผิวถนนคล้ายถนนเปียกน้ำ ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักในการแยกความผิดปกตินั้น เลนส์โพลารอยด์ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้นจากการตัดแสงรบกวน และช่วยลดอาการเมื่อยล้าตา
- กีฬาตกปลาหรือกิจกรรมขับเรือ เลนส์โพลารอยด์นอกจากจะตัดแสงสะท้อนรบกวนบนผิวน้ำทำให้การมองเห็นดีขึ้น ยังเพิ่มความสามารถในการมองเห็นในน้ำได้ลึกมากขึ้น
- กีฬาและกิจกรรมบนชายหาด เลนส์โพลารอยด์จะลดแสงสะท้อนจากทั้งจากผิวทรายและผิวน้ำทะเล ทำให้เกิดความสบายตามากขึ้นในการใช้สายตา
- แสงจ้ารบกวนจะทำให้สีของภาพที่เกิดขึ้นบนจอตาซีดลง ความสามารถในการเห็นสีจึงลดลง เลนส์โพลารอยด์ทำให้ความสามารถในการมองเห็นสีของวัตถุดีขึ้นในสภาวะที่มีแสงจ้ารบกวน
- เลนส์โพลารอยด์จะช่วยตัดแสงสะท้อนของผิวหิมะ ทำให้การขับขี่รถหรือการทำงานกลางแจ้งในวันที่มีหิมะตกได้ดีขึ้น
- เลนส์โพลารอยด์ลดปริมาณแสงเข้าสู่ดวงตาจำนวนมาก และทำให้ปริมาณรังสียูวีลดลงอย่างมากเช่นกัน เลนส์โพลารอยด์จึงจัดเป็นเลนส์ป้องกันอันตรายจากรังสียูวี
เลนส์โพลารอยด์มีคุณสมบัติที่ดีในการลดปริมาณแสงในตอนกลางวัน ตัดแสงจ้ารบกวน และป้องกันรังสียูวีที่มีอันตรายต่อดวงตา จึงเหมาะสมสำหรับการนำมาทำเป็นแว่นตากันแดด อย่างไรก็ตามเลนส์โพลารอยด์ไม่เหมาะสำหรับกับการใช้งานในสถานที่ๆ มีแสงน้อย ในอาคารหรือกิจกรรมในตอนกลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมแว่นโพลารอยด์ขับขี่ยานพาหนะในตอนกลางคืน จะทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลงอย่างมาก ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้สูง
Essilor บริษัทผู้ผลิตเลนส์แว่นตาขนาดใหญ่ระดับโลกจากประเทศฝรั่งเศษ ได้ออกผลิตภัณท์เลนส์โพลารอยด์ที่มีชื่อทางการค้าว่า Xperio นอกจากคุณสมบัติทางการตัดแสงรบกวนที่ดีมาก ปกป้องดวงตาจากรังสียูวีได้อย่างดีเยี่ยม (E-SPF 50+) ยังมีสีให้เลือกได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของความชอบส่วนบุคคล เช่น
- เลนส์โพลารอยด์ย้อมสีเทา สีเขียว หรือสีน้ำตาล
- เลนส์โพลารอยด์บนแว่นสายตาแบบชั้นเดียว หรือ บนแว่นสายตาแบบโปรเกรสซีฟ
- เลนส์โพลารอยด์สำหรับกรอบแว่นตากันแแดดขนาดใหญ่ (Oversize sunglasses) หรือ
- แว่นตากรอบโค้งมากที่ต้องการความกระชับสำหรับกิจกรรมทางกีฬา (Sport sunglasses) เป็นต้น
ก่อนอื่นเรามาดูที่มาของแสงจ้ารบกวนที่ทำให้เกิดปัญหาในการมองเห็นกันก่อน แสงจ้ารบกวน (Glare) สามารถแยกออกได้เป็น 2 ประเภท
1. Discomfort glare เป็นแสงจ้ารบกวนการมองเห็นที่เกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดแสงที่มีความเข้มที่ต่างกันมาก ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักขึ้นและความสามารถในการมองเห็นลดลง เช่น
- แสงสะท้อนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มาจากหลอดไฟส่องสว่างบนเพดาน
- แสงสะท้อนบนหน้าจอทีวีที่มาจากแสงสว่างด้านนอกหน้าต่าง
- แสงจ้าบนหน้าจอทีวีในห้องที่มืด ทำให้กล้ามเนื้อม่านตาทำงานยาก
- แสงสะท้อนบนพื้นผิวน้ำ หรือพื้นที่มีหิมะปกคลุม หรือแสงสะท้อนผิวถนนในตอนกลางวัน
2. Disability glare เป็นแสงจ้ารบกวนส่งผลต่อ Contrast ของภาพ ทำให้ภาพที่เกิดขึ้นบนจอตามีความคมชัดลดลง เช่น
- โปรเจคเตอร์ที่มีดวงไฟส่องตรงด้านบน ทำให้ contrast ของภาพบนจอตาลดลง
- คนเป็นต้อกระจกที่เลนส์แก้วตามีการขุ่นบางส่วน จะเกิดการกระเจิงของแสงมากขึ้นเมื่อแสงเดินทางผ่านโดยเฉพาะแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นอย่างแสงสีฟ้าจะเกิดการกระเจิงของแสงมากกว่าแสงคลื่นยาว
การทำงานของเลนส์โพลารอยด์
แสงมีการการเดินทางคล้ายคลื่นน้ำ เมื่อเราโยนหินลงไปคลื่นจะกระเพริ้มขึ้นลงและเคลื่อนที่เป็นวงกลมออกห่างไปจากจุดที่โยนหิน แสงจะคล้ายกันแต่มีทิศทางที่มากกว่าโดยมีแหล่งกำเนิดแสงเป็นจุดเริ่มต้น เลนส์โพลารอยด์ถูกออกแบบให้แสงเดินทางผ่านเลนส์ได้เพียง 1 ทิศทางเท่านั้น ส่วนแสงในทิศทางอื่นจะถูกดูดกลืนไว้
เลนส์โพลารอยด์แบนแว่นตา
สำหรับเลนส์โพลารอยด์ที่ใช้บนแว่นตา (Ophthalmic polarizing lens) จะให้แสงผ่านได้เฉพาะในแนวที่ตั้งฉากกับพื้น และตัดแสงรบกวนในทิศทางอื่นๆ โดยเฉพาะในแนวนอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแสงรบกวนดวงตา ดังนั้นเวลาประกอบเลนส์โพลารอยด์บนกรอบแว่นตาจำเป็นต้องวางทิศทางให้ถูกต้อง
การใช้ประโยชน์ของเลนส์โพลารอยด์
ประโยชน์ของเลนส์โพลารอยด์จะช่วยตัดแสงแสงจ้าหรือแสงสะท้อนรบกวน โดยเฉพาะแสงในแนวนอนที่เกิดจาก Comfort glare ได้เป็นอย่างดี และตัวเลนส์มักจะย้อมสีเพื่อช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น เลนส์โพลารอยด์จึงเหมาะกับกิจกรรมในสถานที่ๆ มีแสงสว่างมากๆ หรือกิจกรรมกลางแจ้งในเวลากลางวัน เช่น
- การขับรถในเวลากลางวันที่เผชิญกับแสงรบกวนที่สะท้อนบนผิวถนนคล้ายถนนเปียกน้ำ ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักในการแยกความผิดปกตินั้น เลนส์โพลารอยด์ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้นจากการตัดแสงรบกวน และช่วยลดอาการเมื่อยล้าตา
- กีฬาตกปลาหรือกิจกรรมขับเรือ เลนส์โพลารอยด์นอกจากจะตัดแสงสะท้อนรบกวนบนผิวน้ำทำให้การมองเห็นดีขึ้น ยังเพิ่มความสามารถในการมองเห็นในน้ำได้ลึกมากขึ้น
- กีฬาและกิจกรรมบนชายหาด เลนส์โพลารอยด์จะลดแสงสะท้อนจากทั้งจากผิวทรายและผิวน้ำทะเล ทำให้เกิดความสบายตามากขึ้นในการใช้สายตา
- แสงจ้ารบกวนจะทำให้สีของภาพที่เกิดขึ้นบนจอตาซีดลง ความสามารถในการเห็นสีจึงลดลง เลนส์โพลารอยด์ทำให้ความสามารถในการมองเห็นสีของวัตถุดีขึ้นในสภาวะที่มีแสงจ้ารบกวน
- เลนส์โพลารอยด์จะช่วยตัดแสงสะท้อนของผิวหิมะ ทำให้การขับขี่รถหรือการทำงานกลางแจ้งในวันที่มีหิมะตกได้ดีขึ้น
- เลนส์โพลารอยด์ลดปริมาณแสงเข้าสู่ดวงตาจำนวนมาก และทำให้ปริมาณรังสียูวีลดลงอย่างมากเช่นกัน เลนส์โพลารอยด์จึงจัดเป็นเลนส์ป้องกันอันตรายจากรังสียูวี
เลนส์โพลารอยด์มีคุณสมบัติที่ดีในการลดปริมาณแสงในตอนกลางวัน ตัดแสงจ้ารบกวน และป้องกันรังสียูวีที่มีอันตรายต่อดวงตา จึงเหมาะสมสำหรับการนำมาทำเป็นแว่นตากันแดด อย่างไรก็ตามเลนส์โพลารอยด์ไม่เหมาะสำหรับกับการใช้งานในสถานที่ๆ มีแสงน้อย ในอาคารหรือกิจกรรมในตอนกลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมแว่นโพลารอยด์ขับขี่ยานพาหนะในตอนกลางคืน จะทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลงอย่างมาก ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้สูง
Essilor บริษัทผู้ผลิตเลนส์แว่นตาขนาดใหญ่ระดับโลกจากประเทศฝรั่งเศษ ได้ออกผลิตภัณท์เลนส์โพลารอยด์ที่มีชื่อทางการค้าว่า Xperio นอกจากคุณสมบัติทางการตัดแสงรบกวนที่ดีมาก ปกป้องดวงตาจากรังสียูวีได้อย่างดีเยี่ยม (E-SPF 50+) ยังมีสีให้เลือกได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของความชอบส่วนบุคคล เช่น
- เลนส์โพลารอยด์ย้อมสีเทา สีเขียว หรือสีน้ำตาล
- เลนส์โพลารอยด์บนแว่นสายตาแบบชั้นเดียว หรือ บนแว่นสายตาแบบโปรเกรสซีฟ
- เลนส์โพลารอยด์สำหรับกรอบแว่นตากันแแดดขนาดใหญ่ (Oversize sunglasses) หรือ
- แว่นตากรอบโค้งมากที่ต้องการความกระชับสำหรับกิจกรรมทางกีฬา (Sport sunglasses) เป็นต้น