Stenopaic slit refraction คืออะไร ใช้ทำอะไร และวิธีการใช้งานอย่างไร
16 ตุลาคม 2563
- มีปัญหาในการสื่อสารสับสนในวิธีการหาค่าสายตาแบบปกติ
- มีค่าสายตาเอียงสูงๆ หรือสายตาเอียงแบบ Mixed astigmatism
- มีสายตาเอียงแบบ Irregular astigmatism เช่น โรคกระจกตาโปร่ง เลนส์แก้วตาผิดรูป เป็นต้น
- Strongest meridian ที่มีกำลังการหักเหแสงมากสุด และ
- Weakest meridian ที่มีกำลังการหักเหแสงน้อยสุด
- Strongest และ Weakest meridians ทำมุมตั้งฉากกัน
- แต่ละ Meridian ตั้งฉากกับ Axis และ Focal Line ของตนเอง
- Focal Lines ทั้งสองตั้งฉากกัน
- ภาพที่เกิดขึ้นมีความบิดเบือนเกือบทุกจุด ยกเว้นภาพที่จุด Circle of least confusion, CLC ที่ให้ภาพที่มีความบิดเบือนน้อยหรือภาพที่ดีสุด
การหาตำแหน่งองศาของ Principal meridians
เมื่อเราเอา Stenopaic slit มาวางไว้ด้านหน้าเพื่อให้แสงเดินทางผ่านเฉพาะช่องเปิด เช่น วางในแนวนอนให้เฉพาะแสงแนวนอนผ่าน หากเราหมุน Slit ให้อยู่ในแนวเดียวกับ Meridian แสงเฉพาะแนว Meridian นั้น เดินทางผ่านช่องเปิดขนาดเล็กในลักษณะของ Pin hole effect ทำให้ Blur circle มีขนาดเล็กลง ภาพที่ได้จึงมีความคมชัดมากขึ้น ขณะเดียวกันจุดรวมแสงนั้นก็เลื่อนเข้าใกล้จุด CLC ด้วยเช่นกัน จึงทำให้ภาพที่ได้มีความบิดเบือนน้อยลงเมื่อเทียบกับตำแหน่ง Slit ในมุมอื่น ๆ
2. ตรวจตาขวาก่อน ปิดตาซ้าย
3. ทำการ Fog ด้วยเลนส์บวกที่มีค่าตั้งแต่ +1.00 ถึง +1.50 D
4. เปิด VA chart ที่มีหลายบรรทัดครอบคลุม VA ที่ดีที่สุด เช่น 20/20 ถึง 20/70
5. เสียบ Stenopaic slit จากนั้นค่อย ๆ หมุนให้ได้ตำแหน่งองศาที่ให้ภาพที่ดีที่สุด เช่น 180 องศา องศานี้เป็นตำแหน่งของแกน Weakest meridian และองศาเอียงของค่าสายตา
6. ทำการลด Fog ด้วยเลนส์กำลังลบทีละ -0.25 D จนได้ VA ที่ดีที่สุด
7. บันทึกค่ากำลังเลนส์รวมบนแว่นทดลองและองศาของ Slit เช่น +2.00 at 180
8. ถอดเลนส์ลบที่ใส่ไปล่าสุดออก
9. ค่อย ๆ หมุน Slit ไปจนพบภาพที่เบลอสุดที่ห่างไปประมาณ 90 องศา หากภาพที่แย่สุดไม่ใช่ที่ห่างไป 90 องศา แสดงว่าอาจมีค่าสายตาเอียงแบบ Irregular astigmatism
10. ทำการลด Fog ด้วยเลนส์กำลังลบทีละ -0.25 D จนได้ VA ที่ดีทีสุด
11. บันทึกค่ากำลังเลนส์รวมและองศาของ Slit เช่น -1.00 at 90
14. ทำเช่นเดียวกันบนตาข้างซ้าย
15. ทำขั้นตอนต่อไปเพื่อให้ได้ Best VA
สรุป
Stenopaic slit เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ใช้ในการหาค่าสายตาที่มีเอียงร่วม โดยเฉพาะกรณีที่มีสายตาเอียงค่อนข้างสูง หรือสายตาเอียงแบบ Mixed astigmatism วิธีนี้อาศัยหลักการของ Astigmatism imaginary และ Pin hole effect ในการหาตำแหน่งของ Principle meridian ร่วมกับ Fogging ในการหาค่ากำลังเลนส์บนแต่ละ Meridian และใช้วิธี Power cross ในการหาค่าสายตา วิธีการ Stenopaic slit มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน อาจเหมาะกับคนไข้บางกลุ่มที่มีความสับสนในการสื่อสารกับวิธีหาค่าสายตาแบบปกติได้
วิชัย ลัคนาทิน
นักทัศนมาตร
หนังสืออ้างอิง
Clinical Refraction, Irvin M. Borish, 3rd, 1970
Clinical Procedures for Ocular Examination, Nancy B. Carlson, Daniel Kurtz, David A. Heath, Catherine Hines, 2nd, 2002
หลายคนคงเคยเห็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในเซตของเลนส์เสียบ มีลักษณะแผ่นวงกลมสีดำที่ตรงกลางเป็นช่องเปิดสี่เหลี่ยม เรามาดูกันว่าอุปกรณ์นี้คืออะไร ใช้ทำอะไร และวิธีการใช้งานเป็นอย่างไร
อุปกรณ์ชิ้นนี้มีชื่อเรียกว่า Stenopaic slit เป็นแผ่นวงกลมพลาสติกสีดำมีช่องทางเดินแสงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาดกว้างตั้งแต่ 1-3 มิลลิเมตรและยาว 20 มิลลิเมตร ใช้งานร่วมกับแว่นทดลองในการใช้วัดหาค่าสายตาเอียง โดยเฉพาะในกรณีวิธีปกติไม่สดวกในการทำงาน เช่น
- มีค่าสายตาเอียงสูงๆ หรือสายตาเอียงแบบ Mixed astigmatism
- มีสายตาเอียงแบบ Irregular astigmatism เช่น โรคกระจกตาโปร่ง เลนส์แก้วตาผิดรูป เป็นต้น
ก่อนอื่นเรามาทำควาเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการหักเหแสงและการเกิดภาพของเลนส์เอียง หรือ Astigmatism imaginary แบบ Regular astigmatism
เลนส์เอียงร่วม หรือ Sphero-Cylindrical Lens จะมี 2 Principle meridians คือ- Strongest meridian ที่มีกำลังการหักเหแสงมากสุด และ
- Weakest meridian ที่มีกำลังการหักเหแสงน้อยสุด
แต่ละ Meridian จะมี แกนหมุน (Axis) และ เส้นรวมแสง (Focal line) ของตนเอง
การหักเหแสงของเลนส์เอียงร่วมสามารถสรุปได้ดังนี้- Strongest และ Weakest meridians ทำมุมตั้งฉากกัน
- แต่ละ Meridian ตั้งฉากกับ Axis และ Focal Line ของตนเอง
- Focal Lines ทั้งสองตั้งฉากกัน
- ภาพที่เกิดขึ้นมีความบิดเบือนเกือบทุกจุด ยกเว้นภาพที่จุด Circle of least confusion, CLC ที่ให้ภาพที่มีความบิดเบือนน้อยหรือภาพที่ดีสุด
การหาตำแหน่งองศาของ Principal meridians
เมื่อเราเอา Stenopaic slit มาวางไว้ด้านหน้าเพื่อให้แสงเดินทางผ่านเฉพาะช่องเปิด เช่น วางในแนวนอนให้เฉพาะแสงแนวนอนผ่าน หากเราหมุน Slit ให้อยู่ในแนวเดียวกับ Meridian แสงเฉพาะแนว Meridian นั้น เดินทางผ่านช่องเปิดขนาดเล็กในลักษณะของ Pin hole effect ทำให้ Blur circle มีขนาดเล็กลง ภาพที่ได้จึงมีความคมชัดมากขึ้น ขณะเดียวกันจุดรวมแสงนั้นก็เลื่อนเข้าใกล้จุด CLC ด้วยเช่นกัน จึงทำให้ภาพที่ได้มีความบิดเบือนน้อยลงเมื่อเทียบกับตำแหน่ง Slit ในมุมอื่น ๆ
การหา Strongest และ Weakest meridian
เมื่อเรานำค่าสายตาเบื้องต้น ( เช่น Best sphere) ใส่บนแว่นทดลอง แล้วทำการ Fog ด้วยเลนส์บวกจะทำให้ Focal lines ทั้งสองมาอยู่ที่ด้านหน้าจอตา จะพบว่า Weakest focal line จะอยู่ใกล้จอตามากกว่า และหากเราเอา Stenopaic slit มาวางไว้ด้านหน้าแล้วหมุนหาองศาที่ให้ภาพที่ดีที่สุด ซึ่งแสงที่เดินทางผ่าน Slit นี้อยู่ในแนวเดียวกับ Weakest meridian หรือเป็นองศาของแกน Weakest meridian นั้นเอง และองศานี้ยังเป็นค่าองศาเอียงในค่าสายตาที่เขียนในรูปแบบ Minus cylinder form เช่นกันขั้นตอนการใช้ Stenopaic slit ในการหาค่าสายตาเอียงแบบ Regular astigmatism
1. ให้คนไข้สวม Trial frame ที่มีค่าสายตาเบื้องต้น 2. ตรวจตาขวาก่อน ปิดตาซ้าย
3. ทำการ Fog ด้วยเลนส์บวกที่มีค่าตั้งแต่ +1.00 ถึง +1.50 D
4. เปิด VA chart ที่มีหลายบรรทัดครอบคลุม VA ที่ดีที่สุด เช่น 20/20 ถึง 20/70
5. เสียบ Stenopaic slit จากนั้นค่อย ๆ หมุนให้ได้ตำแหน่งองศาที่ให้ภาพที่ดีที่สุด เช่น 180 องศา องศานี้เป็นตำแหน่งของแกน Weakest meridian และองศาเอียงของค่าสายตา
6. ทำการลด Fog ด้วยเลนส์กำลังลบทีละ -0.25 D จนได้ VA ที่ดีที่สุด
7. บันทึกค่ากำลังเลนส์รวมบนแว่นทดลองและองศาของ Slit เช่น +2.00 at 180
8. ถอดเลนส์ลบที่ใส่ไปล่าสุดออก
9. ค่อย ๆ หมุน Slit ไปจนพบภาพที่เบลอสุดที่ห่างไปประมาณ 90 องศา หากภาพที่แย่สุดไม่ใช่ที่ห่างไป 90 องศา แสดงว่าอาจมีค่าสายตาเอียงแบบ Irregular astigmatism
10. ทำการลด Fog ด้วยเลนส์กำลังลบทีละ -0.25 D จนได้ VA ที่ดีทีสุด
11. บันทึกค่ากำลังเลนส์รวมและองศาของ Slit เช่น -1.00 at 90
การหาค่าสายตาด้วยวิธีการ Power cross
เมื่อเราได้ค่ากำลังเลนส์บนแต่ละแกนหลักจากวิธีการใช้ Stenopaic slit ข้างต้นแล้ว ให้นำค่ามาเขียนในรูปของ Power cross เช่น +2.00 at 180 และ -1.00 at 90 จาก Power cross ด้านบน ค่าสายตาที่ได้ก็คือ +2.00 -3.00 x 18012. ใส่เลนส์เสียบตามค่าสายตาที่หามาได้จาก Optical cross บนแว่นทดลอง
13. ทำการบันทึกค่า VA และวิธีวัดค่าสายตาแบบ Stenopaic slit14. ทำเช่นเดียวกันบนตาข้างซ้าย
15. ทำขั้นตอนต่อไปเพื่อให้ได้ Best VA
สรุป
Stenopaic slit เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ใช้ในการหาค่าสายตาที่มีเอียงร่วม โดยเฉพาะกรณีที่มีสายตาเอียงค่อนข้างสูง หรือสายตาเอียงแบบ Mixed astigmatism วิธีนี้อาศัยหลักการของ Astigmatism imaginary และ Pin hole effect ในการหาตำแหน่งของ Principle meridian ร่วมกับ Fogging ในการหาค่ากำลังเลนส์บนแต่ละ Meridian และใช้วิธี Power cross ในการหาค่าสายตา วิธีการ Stenopaic slit มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน อาจเหมาะกับคนไข้บางกลุ่มที่มีความสับสนในการสื่อสารกับวิธีหาค่าสายตาแบบปกติได้
วิชัย ลัคนาทิน
นักทัศนมาตร
หนังสืออ้างอิง
Clinical Refraction, Irvin M. Borish, 3rd, 1970
Clinical Procedures for Ocular Examination, Nancy B. Carlson, Daniel Kurtz, David A. Heath, Catherine Hines, 2nd, 2002