เรื่องของค่าสายตา: ประเภท ความหมาย และวิธีการเขียนค่าสายตา
29 November 2020
- Sphere lens
- Cylinder lens และ
- Spherocylindrical lens
Sphere lens เป็นเลนส์ที่ผิวด้านหน้าและด้านหลังเป็นโค้งเดี่ยวขนาดต่าง ๆ เลนส์ Sphere จะให้กำลังเลนส์ทุก Meridians ที่เท่ากัน
Cylinder lens ผิวด้านหลังมีสองโค้งที่ไม่เท่ากันและมีหนึ่งโค้งที่เท่ากับด้านหน้า ทำให้มีหนึ่ง Meridian ที่ไม่มีกำลังเลนส์ และเป็น Plano sphere และ Axis ของค่าสายตา ในขณะที่อีก Meridian ที่ตั้งฉากจะมีกำลังเลนส์สูงสุด
Spherocylindrical lens คล้ายกับเลนส์ Cylinder แต่ไม่มีโค้งด้านหน้าและหลังที่เท่ากัน โดยมีหนึ่ง Meridian ที่มีกำลังเลนส์สูงสุด และอีกหนึ่ง Meridian ที่ตั้งฉากกันมีกำลังเลนส์ต่ำสุด
วิธีการเขียนค่ากำลังเลนส์และองศาเอียง
หลักเกณฑ์ทั่วไป
- ระบุเครื่องหมายแสดงชนิดเลนส์ไว้ข้างหน้า “+” สำหรับเลนส์บวก และ “–“ สำหรับเลนส์ลบ
- ค่ากำลังที่น้อยกว่าหนึ่งต้องมี “0” นำหน้าเสมอ เช่น +0.25, -0.50
- ใช้ทศนิยม 2 ตำแหน่งและเป็นเศษส่วนของ 8 เช่น 0.12, 0.25, 0.37, 0.50 เป็นต้น
- อาจระบุหน่วย D หรือ DS ได้ เช่น -1.00 D หรือ -1.00 DS
- ถ้าไม่มีค่าสายตาเอียงก็ไม่ต้องเขียนแสดงอะไร
- มีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 180 โดยองศาเอียง 0 ให้ใช้ 180 แทน
- มีเครื่องหมาย “x” นำหน้าเสมอ
- ไม่ต้องระบุสัญลักษณ์ขององศา
- Minus cylinder form
- Plus cylinder form
- Cross cylinder form
- Plus cylinder form SPH +CYL xAX เช่น -3.00 +2.00 x90
ตัวอย่าง Optical cross ของค่าสายตา -1.00 -2.00 x180
(Strongest meridian คือแกนที่มีกำลังลบมากสุดหรือกำลังบวกน้อยมากสุด ส่วน Weakest meridian คือแกนที่มีกำลังลบน้อยสุดหรือกำลังบวกมากสุด)
- ค่าสายตาเอียงเท่ากับผลต่างกำลังบน meridians เช่น 3.00 / 1.00 เท่ากับ 2.00
- ใส่ค่าหมายลบหน้าค่าสายตาเอียง เช่น -2.00
- ค่าสายตาที่ได้เท่ากับ -1.00 -2.00 x180
วิธีการเขียนค่าสายตาแบบ Plus cylinder form จากตัวอย่างด้านบน
- เลือก Strongest meridian เป็นค่า Sphere และ Axis เช่น -3.00 +CYL x90
- ค่าสายตาเอียงเท่ากับผลต่างกำลังบน meridians เช่น 3.00 / 1.00 เท่ากับ 2.00
- ใส่ค่าหมายบวกหน้าค่าสายตาเอียง เช่น +2.00
- ค่าสายตาที่ได้เท่ากับ -3.00 +2.00 x90
วิธีการเขียน Optical cross จากค่าสายตาแบบ Minus cylinder form
ตัวอย่างเช่น ค่าสายตา -3.00 -1.00 x45
- สร้างเส้นตั้งฉาก 2 เส้น แทน Strongest และ Weakest meridians
- ระบุกำลัง Sphere และ Axis ลงบน Meridian เดียวกัน
- ระบุอีก Meridian เท่ากับผลรวมของ Sphere กับ Cylinder พิจารณาเครื่องหมาย และองศาที่ห่างไป 90 และไม่เกิน 180
Flat Transpositions
Flat transpositions เป็นวิธีการแปลงไปมาระหว่าง Plus / Minus cylinder form ใช้กรณีที่ได้ใบสั่งจ่ายค่าสายตาแบบ Plus cylinder form ต้องการเปลี่ยนเป็น Minus cylinder form เพื่อการสั่งเลนส์และการประกอบแว่นสายตา
ขั้นตอนในการทำ Flat transpositions
- Sphere เท่ากับ ผลรวมของ Sphere กับ Cylinder เดิม โดยพิจารณาเครื่องหมาย
- Cylinder เท่ากับ ค่า Cylinder เดิม แต่เปลี่ยนเป็นเครื่องหมายเป็นตรงกันข้าม
- Axis เท่ากับ องศาที่ห่างไป 90 และไม่เกิน 180
= -1.00 -1.00 x175
= -3.00 +2.00 x90
สรุป
การเขียนค่าสายตาที่ถูกต้องนับว่ามีความสำคัญในการสื่อสาร ป้องกันความผิดพลาด และสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ปัจจุบันนิยมเขียนค่าสายตาในรูปแบบ Minus cylinder form บางกรณีที่พบค่าสายตาแบบ Plus cylinder form สามารถใช้วิธี Flat transpositions ในการแปลงให้เป็นค่าสายตาแบบ Minus cylinder form
นายวิชัย ลัคนาทิน
นักทัศนมาตร, O.D.
หนังสืออ้างอิง
Ellen Stoner, Optical Formulas Tutorial, 2nd, 2005
เรื่องของค่าสายตา: ประเภท ความหมาย และวิธีการเขียนค่าสายตา
ก่อนอื่นเรามาเริ่มกันที่เรื่องของเลนส์สายตา เลนส์สายตา หรือ Ophthalmic หรือ Prescription lens เป็นวัสดุโปร่งแสงที่มีผิวสองด้านขัดเงา โดยอาจมีด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านที่มีความโค้งต่าง ๆ ทำให้เกิดเป็นเลนส์ค่าสายตา ปัจจุบันเลนส์สายตาที่มีใช้กันอยู่ 3 ชนิด คือ
- Cylinder lens และ
- Spherocylindrical lens
โครงสร้างเลนส์สายตา
ปัจจุบันเลนส์สายตาส่วนใหญ่ผลิตบนโครงสร้างแบบ Meniscus โดยผิวด้านหน้าจะเป็นโค้งนูน (Convex surface) และกำหนดเป็น Base curve ของเลนส์ ในขณะที่ผิวด้านหลังเป็นแบบโค้งเว้า (Concave surface) หากโค้งด้านหน้ามากกว่าโค้งด้านหลังจะได้เลนส์บวก (Positive lens) และหากโค้งด้านหน้าน้อยกว่าโค้งด้านหลังจะได้เลนส์ลบ (Negative lens)Sphere lens เป็นเลนส์ที่ผิวด้านหน้าและด้านหลังเป็นโค้งเดี่ยวขนาดต่าง ๆ เลนส์ Sphere จะให้กำลังเลนส์ทุก Meridians ที่เท่ากัน
Cylinder lens ผิวด้านหลังมีสองโค้งที่ไม่เท่ากันและมีหนึ่งโค้งที่เท่ากับด้านหน้า ทำให้มีหนึ่ง Meridian ที่ไม่มีกำลังเลนส์ และเป็น Plano sphere และ Axis ของค่าสายตา ในขณะที่อีก Meridian ที่ตั้งฉากจะมีกำลังเลนส์สูงสุด
Spherocylindrical lens คล้ายกับเลนส์ Cylinder แต่ไม่มีโค้งด้านหน้าและหลังที่เท่ากัน โดยมีหนึ่ง Meridian ที่มีกำลังเลนส์สูงสุด และอีกหนึ่ง Meridian ที่ตั้งฉากกันมีกำลังเลนส์ต่ำสุด
วิธีการเขียนค่ากำลังเลนส์และองศาเอียง
หลักเกณฑ์ทั่วไป
- ระบุเครื่องหมายแสดงชนิดเลนส์ไว้ข้างหน้า “+” สำหรับเลนส์บวก และ “–“ สำหรับเลนส์ลบ
- ค่ากำลังที่น้อยกว่าหนึ่งต้องมี “0” นำหน้าเสมอ เช่น +0.25, -0.50
- ใช้ทศนิยม 2 ตำแหน่งและเป็นเศษส่วนของ 8 เช่น 0.12, 0.25, 0.37, 0.50 เป็นต้น
Sphere power
- Sphere ที่มีค่าเท่ากับ 0 ให้เขียนแทนด้วย Plano หรือ pl - อาจระบุหน่วย D หรือ DS ได้ เช่น -1.00 D หรือ -1.00 DS
Cylinder power
- ไม่ต้องระบุหน่วย- ถ้าไม่มีค่าสายตาเอียงก็ไม่ต้องเขียนแสดงอะไร
Axis
- ระบุองศาด้วย 3 ตัวเลข เช่น 005, 090, 180, 120 - มีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 180 โดยองศาเอียง 0 ให้ใช้ 180 แทน
- มีเครื่องหมาย “x” นำหน้าเสมอ
- ไม่ต้องระบุสัญลักษณ์ขององศา
รูปแบบและวิธีการเขียนค่าสายตา
ค่าสายตาสามารถเขียนได้อยู่ 3 รูปแบบ คือ - Minus cylinder form
- Plus cylinder form
- Cross cylinder form
ปัจจุบันนิยมเขียนค่าสายตาในรูปแบบ Minus cylinder form ตามเครื่องมือวัดสายตาและการผลิตเลนส์ ในอดีตมีการใช้ค่าสายตาแบบ Plus cylinder form ปัจจุบันอาจพบได้บ้างไม่มากนัก ส่วนค่าสายตาแบบ Cross cylinder form มีการใช้กันน้อยมาก ในบทความนี้จะกล่าวเฉพาะค่าสายตาในสองแบบแรก
การเขียนค่าสายตาจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ Sphere (SPH), Cylinder (CYL) และ Axis (AX) ความแตกต่างกันที่ค่าสายตาเอียง โดย Minus cylinder form จะมีเครื่องหมายลบ ส่วน Plus cylinder form จะมีเครื่องหมายบวก ส่วน Axis ของค่าสายตาจะเป็นองศาบน Sphere meridian เสมอ
- Minus cylinder form SPH -CYL xAX เช่น -1.00 -2.00 x180
กรณี Cylinder lens ที่มี Sphere meridian เป็น Plano การเขียนค่าสายตาอาจระบุหรือไม่ก็ได้ เช่น pl -1.00 x180 หรือ -1.00x180
เราสามารถเปลี่ยนค่าสายตาจากรูปแบบหนึ่งไปอีกรูปแบบได้โดยให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันอยู่ 2 วิธี คือ Optical cross และ Flat transposition Optical Cross
Optical cross หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Power cross เป็นการนำค่าสายตามาเขียนให้อยู่ในรูปแบบพิกัดฉาก โดยใช้เส้นตั้งฉากแทน Meridians พร้อมระบุกำลังและองศาตัวอย่าง Optical cross ของค่าสายตา -1.00 -2.00 x180
(Strongest meridian คือแกนที่มีกำลังลบมากสุดหรือกำลังบวกน้อยมากสุด ส่วน Weakest meridian คือแกนที่มีกำลังลบน้อยสุดหรือกำลังบวกมากสุด)
วิธีการเขียนค่าสายตารูปแบบ Minus cylinder form จากตัวอย่างด้านบน
- เลือก Weakest meridian เป็นค่า Sphere และ Axis เช่น -1.00 -CYL x180- ค่าสายตาเอียงเท่ากับผลต่างกำลังบน meridians เช่น 3.00 / 1.00 เท่ากับ 2.00
- ใส่ค่าหมายลบหน้าค่าสายตาเอียง เช่น -2.00
- ค่าสายตาที่ได้เท่ากับ -1.00 -2.00 x180
วิธีการเขียนค่าสายตาแบบ Plus cylinder form จากตัวอย่างด้านบน
- เลือก Strongest meridian เป็นค่า Sphere และ Axis เช่น -3.00 +CYL x90
- ค่าสายตาเอียงเท่ากับผลต่างกำลังบน meridians เช่น 3.00 / 1.00 เท่ากับ 2.00
- ใส่ค่าหมายบวกหน้าค่าสายตาเอียง เช่น +2.00
- ค่าสายตาที่ได้เท่ากับ -3.00 +2.00 x90
วิธีการเขียน Optical cross จากค่าสายตาแบบ Minus cylinder form
ตัวอย่างเช่น ค่าสายตา -3.00 -1.00 x45
- สร้างเส้นตั้งฉาก 2 เส้น แทน Strongest และ Weakest meridians
- ระบุกำลัง Sphere และ Axis ลงบน Meridian เดียวกัน
- ระบุอีก Meridian เท่ากับผลรวมของ Sphere กับ Cylinder พิจารณาเครื่องหมาย และองศาที่ห่างไป 90 และไม่เกิน 180
Flat Transpositions
Flat transpositions เป็นวิธีการแปลงไปมาระหว่าง Plus / Minus cylinder form ใช้กรณีที่ได้ใบสั่งจ่ายค่าสายตาแบบ Plus cylinder form ต้องการเปลี่ยนเป็น Minus cylinder form เพื่อการสั่งเลนส์และการประกอบแว่นสายตา
ขั้นตอนในการทำ Flat transpositions
- Sphere เท่ากับ ผลรวมของ Sphere กับ Cylinder เดิม โดยพิจารณาเครื่องหมาย
- Cylinder เท่ากับ ค่า Cylinder เดิม แต่เปลี่ยนเป็นเครื่องหมายเป็นตรงกันข้าม
- Axis เท่ากับ องศาที่ห่างไป 90 และไม่เกิน 180
ตัวอย่าง -2.00 +1.00 x85
Minus cylinder form = (-2.00+1.00) -1.00 x(85+90) = -1.00 -1.00 x175
ตัวอย่าง -1.00 -2.00 x180
Plus cylinder form = (-1.00-2.00) +2.00 x(180-90)= -3.00 +2.00 x90
สรุป
การเขียนค่าสายตาที่ถูกต้องนับว่ามีความสำคัญในการสื่อสาร ป้องกันความผิดพลาด และสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ปัจจุบันนิยมเขียนค่าสายตาในรูปแบบ Minus cylinder form บางกรณีที่พบค่าสายตาแบบ Plus cylinder form สามารถใช้วิธี Flat transpositions ในการแปลงให้เป็นค่าสายตาแบบ Minus cylinder form
นายวิชัย ลัคนาทิน
นักทัศนมาตร, O.D.
หนังสืออ้างอิง
Ellen Stoner, Optical Formulas Tutorial, 2nd, 2005